Read-for-Rich with stock อ่านแล้วรวย:รวยด้วยหุ้น
หน้าเว็บ
หน้าแรก
หนังสือหุ้น
หุ้น SET
หุ้นMAI
หุ้นIPO
Warrant/Derivative W
กองทุนรวม
ทองคำ
เกษตรล่วงหน้า
เวบบอร์ด
วันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554
รวยด้วยหุ้น : มือใหม่หัดรวย ก้าวที่ห้าต้องรู้
อ่านแล้วรวย หลังจากบริษัทต่างๆ ได้รับอนุญาต จากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ หรือ กลต
.
ให้ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ กล่าวคือ เป็นบริษัทจดทะเบียนแล้ว บริษัทดังกล่าวก็จะเริ่มขั้นตอนนำหุ้นเสนอขายให้กับประชาชน
การจะนำหุ้นขายให้กับประชาชนนั้น เริ่มแรกบริษัทที่ได้รับอนุญาต จะกำหนดราคาของหุ้นไว้บนใบหุ้น หรือเรียกเป็นทางการว่า "มูลค่าที่ตราไว้" หรือ PAR VALUE หรือเรียกกันสั้นๆ ในหมู่นักลงทุนว่า "ราคาพาร์" หรือ "ราคาหน้าหุ้น" อันเป็นข้อมูลที่แสดงให้ทราบ ถึงมูลค่าเงินลงทุนเริ่มแรกสำหรับหุ้นนั้นแต่ละหน่วย อีกทั้งยังใช้แสดงให้ทราบถึงทุนจดทะเบียนตามกฎหมาย เช่น บริษัทเขียวส่องมีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท แบ่งเป็น 10 ล้านหุ้น ดังนั้นมูลค่าของหุ้น 1 หุ้นจะเท่ากับ 10 บาท หุ้นบริษัทเขียวส่องจึงมีราคาพาร์ 10 บาทนั่นเอง
ปัจจุบันเราจะเห็นว่า บริษัทที่เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์นั้น มูลค่าที่ตราไว้หรือราคาพาร์ของหุ้น มีทั้ง 10 บาท 5 บาท และ 1 บาท ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจซื้อหุ้น ต้องดูด้วยว่าหุ้นของบริษัทนั้นราคาพาร์เท่าใด
หลังจากนั้น บริษัทจดทะเบียนจะเสนอขายหลักทรัพย์หรือหุ้น ให้กับประชาชน ทั่วไปหรือ PUBLIC OFFERING โดยจะต้องเสนอขายผ่านบริษัทหลักทรัพย์ที่รับเป็นผู้จัดจำหน่ายแทน อีกทั้งต้องทำหนังสือชี้ชวนตามหลักเกณฑ์ที่ กลต. กำหนด
หลักเกณฑ์ที่ประชาชนได้พบได้เห็นได้ฟังบ่อยๆ ในการเสนอขายหุ้นแต่ละครั้ง อันเป็นข้อบังคับของกลต. คือ จะมีข้อความกำกับการเสนอขายหุ้น หรือผู้ประกาศ มักจะประกาศเร็วมากแทบฟังไม่ทันว่า "การลงทุนมีความเสี่ยง ต้องพิจารณาให้รอบคอบ "
ราคาของหลักทรัพย์หรือหุ้น ที่บริษัทเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปนี้ จะรู้จักกันในชื่อราคาไอพีโอ (PUBLIC OFFERING PRICE ) หรือมักจะเรียกกันง่ายๆ ว่า "ราคาอันเดอร์ไรท์" (UNDERWRITE) หรือ "ราคาจอง" ซึ่งจะสูงกว่าราคาพาร์ เพื่อที่บริษัทจะได้นำส่วนต่างที่เหลือไปลงทุน
ยกตัวอย่างหุ้นหรือหลักทรัพย์ ที่ประชาชนได้ลงทุนอย่างกว้างขวางเมื่อไม่นานมานี้ คือ หุ้นของบริษัทปตท. จำกัด มหาชน 1 หุ้น ราคาพาร์ 10 บาท เปิดให้ประชาชนจองเป็นการทั่วไป ในราคาจองหรือราคาไอพีโอที่ 35 บาทต่อ 1 หุ้น โดยเปิดให้จองซื้อได้ผ่านธนาคารต่างๆ หลายแห่ง ปรากฎว่า ประชาชนจองซื้อหมดภายในเวลาไม่กี่นาที
การที่บริษัทจดทะเบียนต่างๆ ที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือกลต. ให้เสนอขายหุ้นให้กับประชาชน ในราคาจองเป็นการทั่วไปครั้งแรก ผ่านการจัดจำหน่ายของบริษัทจัดจำหน่ายนั้น เรียกการขายหุ้นดังกล่าวว่า เป็นการขายหุ้นใน "ตลาดแรก" (PRIMARY MARKET)
เมื่อประชาชนจ่ายเงินซื้อหุ้นจองของบริษัทจดทะเบียนที่สนใจไปแล้ว หากต้องการเปลี่ยนมือหรือเปลี่ยนหุ้นเป็นเงิน ก็สามารถทำได้เมื่อต้องการ โดยการซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่เราจะเห็นบรรยากาศหรือสภาวะการซื้อขายผ่านหน้าจอโทรทัศน์ / การรายงานทางวิทยุ หรือสื่อมวลชนทุกวันทำการนั่นเอง
ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงมีบทบาทในฐานะตลาดรอง (SECONDARY MARKET) เป็นศูนย์กลางการซื้อขายหลักทรัพย์ ช่วยเสริมสภาพคล่องให้แก่หุ้น และสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน ว่า เมื่อซื้อหุ้นในตลาดแรกหรือหุ้นจองไปแล้ว หุ้นที่ซื้อไป จะสามารถเปลี่ยนมือหรือเปลี่ยนเป็นเงินได้เมื่อต้องการ คือ นำหุ้นไปซื้อ - ขายหรือเปลี่ยนมือในตลาดหลักทรัพย์นั่นเอง
เพียงแต่ว่า จะเปลี่ยนมือหรือเปลี่ยนเป็นเงินได้เท่าใด ได้กำไรหรือขาดทุนนั้นขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัท / อุปสงค์ / อุปทานของหุ้น จังหวะของการซื้อ - ขาย รวมทั้งสภาพแวดล้อมต่างๆ ทั้งระดับประเทศและโลก ที่ต่างมีผลต่อสภาวะการซื้อขายหุ้นทั้งนั้น
สรุปแล้ว บริษัทที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์หรือกลต. ให้ขายหุ้นกับประชาชนได้นั้น สามารถระดมทุนไปใช้ในกิจการ ในขณะที่ผู้ซื้อหุ้นหรือนักลงทุน จะได้รับประโยชน์จากส่วนต่างของราคาหุ้น ที่ซื้อขายเปลี่ยนมือในตลาดรอง หรือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือบางครั้งอาจจะขาดทุนก็เป็นได้
แต่หากเลือกหุ้นของบริษัทที่มีผลประกอบการดี ธุรกิจเยี่ยม ผู้บริหารยอด ก็ยังจะได้รับเงินปันผลตอบแทนในแต่ละงวด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
บทความใหม่กว่า
บทความที่เก่ากว่า
หน้าแรก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น